หากคุณไม่ชอบกาแฟแต่ยังคงต้องการคาเฟอีน เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก “มัทฉะ” ค่ะ บอกเลยว่าเครื่องดื่มชนิดนี้ได้รับความนิยมมาก ๆ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ชอบดื่มเพราะมันมีวิจัยออกมาว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานด้วย หากพูดว่ามัทฉะไม่ใช่แค่เครื่องดื่มทั่วไป แต่มันคือศิลปะจากการปลูกชาอย่างพิถีพิถันก็คงไม่เกินจริงค่ะ เพราะมัทฉะเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและพิธีกรรมของญี่ปุ่นมายาวนาน หากคุณอยากรู้ว่ามันดีต่อสุขภาพยังไง มัทฉะชนิดไหนดีที่สุดก็ต้องห้ามพลาดกับบทความนี้ค่ะ
ต้นกำเนิดของมัทฉะ
มัทฉะมีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหลายร้อยปี ชาเขียวชนิดนี้ได้รับความนิยมจากการใช้ในพิธีชงชาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมมาก ในช่วงศตวรรษที่ 12 พิธีชงชากลายเป็นส่วนหนึ่งของศิลปะและจิตวิญญาณในสังคมญี่ปุ่น และมัทฉะก็เป็นส่วนสำคัญของพิธีชงชานั้น
กระบวนการผลิตมัทฉะเริ่มจากการปลูกชาเขียวที่เรียกว่า “ชะ” ซึ่งมันจะถูกบดจนละเอียดเป็นผงละเอียดสีเขียวสด กระบวนการบดนี่แหละค่ะที่ทำให้มัทฉะแตกต่างจากชาเขียวทั่วไป เพราะชาเขียวทั่วไปมักจะใช้ใบชาที่แห้งและชงเป็นชาในน้ำร้อนค่ะ ซึ่งมัทฉะนั้นก็มีความอเนกประสงค์มาก ๆ เพราะสามารถดื่มได้ทั้งในรูปแบบเครื่องดื่มและใช้เป็นส่วนผสมในขนมต่าง ๆ ได้ด้วย

วิธีการผลิตมัทฉะ
กระบวนการผลิตมัทฉะเริ่มต้นจากการปลูกชาเขียวที่ใช้สำหรับการผลิตมัทฉะ โดยจะเลือกพันธุ์ชาเฉพาะที่มีใบชาที่อ่อนนุ่มและมีคุณภาพสูง จากนั้นจะมีการปกคลุมต้นชาเพื่อลดแสงแดด ซึ่งช่วยเพิ่มระดับคลอโรฟิลล์ในใบชา ทำให้มีสีเขียวเข้มและมีรสชาติที่เข้มข้น
หลังจากนั้นใบชาจะถูกเก็บเกี่ยวและนึ่ง เพื่อหยุดกระบวนการออกซิเดชัน ทำให้สีเขียวสดและรสชาติของชานั้นคงที่ เมื่อใบชานึ่งแล้วจะถูกทำให้แห้งและบดละเอียดจนกลายเป็นผงมัทฉะ โดยผงมัทฉะที่ได้จะมีเนื้อเนียนละเอียด และมีสีเขียวสดใส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคุณภาพที่ดี
เกรดของมัทฉะ เลือกแบบไหนดี ?
มัทฉะ (Matcha) ไม่เพียงเพราะรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อย่างไรก็ตามมัทฉะไม่ได้มีเพียงประเภทเดียว แต่ถูกแบ่งออกเป็นหลายเกรดตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน โดยเกรดที่พบมากที่สุดคือ Ceremonial Grade และ Culinary Grade ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งในด้านคุณภาพ รสชาติ และราคา เราสามารถเลือกได้ดังต่อไปนี้ค่ะ
1. Ceremonial Grade (เกรดพิธีชงชา)
มัทฉะเกรดนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในการชงดื่มโดยตรง โดยเฉพาะในพิธีชงชาของญี่ปุ่น จุดเด่นของมัทฉะเกรดพิธีชงชาคือ สีเขียวสดใส กลิ่นหอมละมุน และมีรสชาติที่นุ่มลึก ไม่ฝาดหรือขม เนื่องจากใช้เฉพาะยอดอ่อนของใบชาเท่านั้น การผลิตต้องอาศัยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกในที่ร่ม การเก็บเกี่ยว และการบดด้วยโม่หินแบบดั้งเดิม มัทฉะชนิดนี้เหมาะสำหรับดื่มร้อนแบบ Koicha (มัทฉะเข้มข้น) หรือ Usucha (มัทฉะแบบบางเบา) โดยไม่ต้องผสมนมหรือน้ำตาล เพราะรสชาติธรรมชาติของมันก็โดดเด่นอยู่แล้ว
2. Culinary Grade (เกรดทำอาหาร/ขนม)
ในขณะที่มัทฉะแบบเกรดพิธีชงชาจะเน้นด้านรสชาตินุ่มลึกและความหอมละมุน มัทฉะเกรดทำอาหารกลับเน้นไปที่ความเข้มข้นของรสชาติและความสามารถในด้านอื่น ๆ เมื่อถูกนำไปใช้ประกอบอาหารหรือขนม เช่น เบเกอรี่ ไอศกรีม สมูทตี้ หรือเครื่องดื่มมัทฉะลาเต้ ผงมัทฉะชนิดนี้มักมีสีเขียวเข้มกว่า รสชาติเข้มกว่าหรือมีความขมนิด ๆ ซึ่งช่วยให้รสชาติมัทฉะยังชัดเจนแม้ผสมกับนมหรือน้ำตาล อีกทั้งยังมีราคาย่อมเยากว่า เพราะไม่ได้ใช้เฉพาะใบยอดอ่อนเหมือนเกรดพิธัการ
เลือกมัทฉะจากเมืองไหนดี ?
1. อุจิ (Uji) จังหวัดเกียวโต
อุจิเป็นแหล่งปลูกชาเขียวที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เป็นสถานที่ที่ผลิตมัทฉะคุณภาพสูง อุจิได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งผลิตมัทฉะที่ดีที่สุด เนื่องจากมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม และดินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มัทฉะจากที่นี่มีกลิ่นหอมหวานและสีเขียวสดใส อีกทั้งยังมีรสชาติที่นุ่มลึก ชาส่วนใหญ่จะเป็นเกรดพิธีชงชาที่ใช้ในพิธีชงชาแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม มัทฉะจากอุจิจึงเหมาะมากสำหรับคนที่ชื่นชอบการดื่มชาแบบพรีเมียม
2. นิชิโอะ (Nishio) จังหวัดไอจิ
นิชิโอะเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีชื่อเสียงในวงการผลิตมัทฉะ โดยเป็นแหล่งผลิตมัทฉะในปริมาณมากที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมัทฉะจากที่นี่มักถูกใช้ใน การทำขนม เครื่องดื่ม และอาหาร เนื่องจากมีรสชาติที่เข้มข้นและสีชัดเจน ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้ในเมนูต่าง ๆ เช่น มัทฉะลาเต้ ไอศกรีม หรือแม้แต่ขนมญี่ปุ่น เช่น เค้กมัทฉะ หรือมูสมัทฉะ มัทฉะจากนิชิโอะมักจะมีความเข้มข้น เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้ทำอาหารและขนม นอกจากนี้มัทฉะจากนิชิโอะยังมีราคาเข้าถึงได้ง่าย ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับการใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
3. ชิซูโอกะ (Shizuoka)
ชิซูโอกะเป็นแหล่งผลิตชาขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีชื่อเสียงในการปลูกชาเขียวหลายชนิด รวมถึง มัทฉะ แม้ชิซูโอกะจะไม่เน้นผลิตมัทฉะแบบพิธีชงชาดั้งเดิม แต่ก็มีการผลิตมัทฉะที่ใช้ในการทำเครื่องดื่มและขนมหลายประเภท มัทฉะจากชิซูโอกะมักจะมีรสชาติที่เข้มข้นและราคาไม่สูง เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น ชงชาแบบง่าย ๆ หรือทำขนม ใครที่ต้องการมัทฉะคุณภาพดีในราคาที่ไม่แพงมากแนะนำ

ประโยชน์ของมัทฉะ
- สารต้านอนุมูลอิสระ
มัทฉะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าคาเทซินโดยเฉพาะ EGCG (Epigallocatechin Gallate) ซึ่งช่วยในการต่อสู้กับอนุมูลอิสระในร่างกาย การบริโภคมัทฉะเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและมะเร็ง - เพิ่มพลังงานและการเผาผลาญ
มัทฉะมีคาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า โดยไม่มีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลเหมือนกับการดื่มกาแฟ - บำรุงสมองและความจำ
มัทฉะมีกรดอะมิโนที่เรียกว่า L-theanine ซึ่งช่วยในการผ่อนคลายสมองและปรับอารมณ์ ทำให้ช่วยเพิ่มสมาธิและความจำในระยะยาว - ดีต่อผิวพรรณ
สารต้านอนุมูลอิสระในมัทฉะสามารถช่วยลดการเกิดริ้วรอยและปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น การอักเสบ หรือสิว ทำให้ผิวพรรณดูสดใสและสุขภาพดี
มัทฉะคือชาเขียวชนิดหนึ่งที่เต็มไปด้วยประโยชน์ทางสุขภาพ และมีความหลากหลายในการนำไปใช้งาน ตั้งแต่การดื่มชาไปจนถึงการทำขนมและอาหารต่าง ๆ การดื่มมัทฉะไม่เพียงแต่ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น แต่ยังเสริมสร้างสุขภาพที่ดีด้วย เหตุผลแบบนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่มัทฉะได้รับความนิยมอย่างสูงในโลกสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเครื่องดื่มหรือขนมหวาน มัทฉะยังคงเป็นความอร่อยและสุขภาพที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้